เจริญ สุวรรณมงคล ชีวิต-ความดีและตำนานผู้สร้าง'กลุ่มอีซูซุหาดใหญ่'
ไม่เฉพาะครอบครัว และพนักงานกลุ่มอีซูซุหาดใหญ่เท่านั้นที่เสียใจกับการจากไปของ "เจริญ สุวรรณมงคล"
หากแต่คนปัตตานี หาดใหญ่ หรือคนไทยอีกจำนวนไม่น้อยที่ได้สัมผัสกับคุณงามความดี ที่ให้กับสังคมมากมาย ไม่น้อยไปกว่าการสร้างตำนานธุรกิจอันยิ่งใหญ่ "กลุ่มอีซูซุหาดใหญ่" ย่อมรู้สึกอาลัย
นายเจริญ สุวรรณมงคล เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามในการสร้างตัวจากจุดเล็ก ๆ จากการที่ได้สะสมส่วนหนึ่งของเงินเดือนจากอาชีพลูกจ้างเก็บเงินค่ากระแสไฟฟ้าของ บริษัท ไฟฟ้าปัตตานี จำกัด หลังจากจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ แล้วมิได้ศึกษาต่อ
ในปี พ.ศ. ๒๔๙๔ ได้รับเงินเดือนครั้งแรกเดือนละ ๑๕๐ บาท
ต่อมาเมื่อขุนธำรงพันธ์ภักดี ได้ตั้งสำนักงานตัวแทน ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด ขึ้นที่จังหวัดปัตตานี จึงโอนเข้ามาทำงานแบงค์ต่อในปี ๒๔๙๙ ในตำแหน่งพนักงานผู้รักษาเงิน ได้รับเงินเดือนละ ๘๕๐ บาท
ขณะที่ทำงานธนาคาร มีความสนใจในด้านการค้า ย้อนหลังไปประมาณ ๓๐ - ๓๕ ปี การคมนาคมในชนบทจังหวัดปัตตานี ถนนหนทางยังไม่ดี ส่วนใหญ่เป็นถนนลูกรัง ถึงฤดูฝนจะมีสภาพเป็นโคลน ยานพาหนะที่จะใช้คล่องตัวกับสภาพถนนดังกล่าวต้องเป็นรถจี๊ป
ซึ่งขณะนั้น จะมีรถจี๊ปเหลือใช้จากสงครามโลกครั้งที่ ๒ ขายกันที่กรุงเทพฯ จำนวนมาก ราคาไม่แพง คันละ ๑ หมื่นบาทเท่านั้น ประกอบกับความนิยมของชาวชนบทกำลังเปลี่ยนแปลงจากที่เคยใช้ช้างเป็นพาหนะมาเปลี่ยนเป็นรถจี๊ปแทน
นายเจริญ จึงได้มองเห็นลู่ทางที่จะก้าวเข้ามาเป็นนักธุรกิจ โดยเริ่มจากการ ลงทุนน้อย ขายง่าย เพราะในระหว่างนั้นปริมาณความต้องการจะใช้รถจี๊ปของชาวชนบทมีสูงมาก จึงริเริ่มสั่งรถจี๊ปมาขายให้กับลูกค้าในจังหวัดปัตตานีและจังหวัดใกล้เคียง เมื่อวันเวลาผ่านไปพร้อมกับความชำนาญในการทำธุรกิจประเภทนี้ รู้จักลูกค้ามากขึ้น ทำให้กิจการค้ารถจี๊ปก้าวหน้าไปด้วยดี การสั่งสมประสบ
การณ์ในการค้ารถมาหลายปี
ระหว่างนั้นรถยนต์ญี่ปุ่นก็กำลังแพร่หลายเข้ามามีบทบาทในท้องถนน โดยเฉพาะรถยี่ห้อ "อีซูซุ"เป็นที่หมายตาของลูกค้าในขณะนั้น จึงมีความนึกคิดอยู่เสมอว่า การค้ารถจี๊ปเก่าจะได้ดีสักระยะหนึ่งเท่านั้น เมื่อมีการพัฒนาถนนหนทางให้ดีขึ้น อนาคตของรถจี๊ปจะมีความสำคัญน้อยลง จึงได้ริ่มจับงานด้านค้ารถญี่ปุ่น
โดยเป็นผู้สั่งรถยี่ห้อ อีซูซุเข้ามาขายในจังหวัดปัตตานีเป็นคนแรก มีลูกค้าสั่งจองรถเป็นจำนวนมาก จึงได้ติดต่อกับบริษัทในกรุงเทพฯ คือ บริษัท มิตซูบิชิ (ประเทศไทย) จำกัด ในสมัยนั้น ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด โดยขอเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์อีซูซุในเขต ๓ จังหวัด คือ ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ในปี พ.ศ. ๒๕๐๕
ครั้งแรกดำเนินงานในรูปห้าง ใช้ชื่อ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ปัตตานีเจริญเทรดดิ้ง มีพนักงาน ๕ คน อาคาร ๑ คูหา ตั้งอยู่ที่ถนนฤาดี อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี โดยมีนางศรีสุมาลย์ เป็นผู้ช่วยในการดำเนินงาน ต่อมากิจการได้ขยายเติบโตขึ้น จึงได้เปลี่ยนเป็นรูปบริษัท ในปี พ.ศ. ๒๕๑๕ โดยใช้ชื่อว่า บริษัท ปัตตานีเจริญ เทรดดิ้ง (1972) จำกัด
มีนายเจริญ เป็นผู้เริ่มก่อตั้ง ได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านเลขที่ ๑๐ และ ๑๒ ถนนพิพิธ อาคาร ๒ คูหา มีพนักงาน ๙ คน ทุนจดทะเบียนเริ่มแรก ๑ ล้านบาท มีนายเจริญเป็นกรรมการ ผู้จัดการ ต่อมาที่ทำการคับแคบ จึงได้ย้ายมาอยู่ที่อาคารใหม่ มีสำนักงาน โชว์รูม และศูนย์บริการมาตรฐาน เลขที่ ๒๓ ถนนหนองจิก อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี ในปี พ.ศ. ๒๕๒๒ จนถึงปัจจุบัน
บริษัทมีสาขา ๓ แห่ง คือ ปัตตานี (สำนักงานใหญ่) สาขายะลา สาขาสุไหงโกลก สาขานราธิวาส และมีศูนย์บริการแบบมาตรฐานพร้อมด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยทุกแห่ง เมื่อกิจการเป็นปึกแผ่นมั่นคงแล้ว จึงได้ลาออกจากธนาคารมาดำเนินการค้าส่วนตัวในปี พ.ศ. ๒๕๑๙ อย่างเต็มที่เป็นต้นมาขยายฐานสู่หาดใหญ่
ในปี พ.ศ. ๒๕๒๖ ได้รับมอบหมายจาก บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ให้เป็น ตัวแทนจำหน่วยรถอีซูซุเพิ่มอีก ๓ จังหวัด คือ สงขลา สตูล และพัทลุง จึงดำเนินการเปิดบริษัทใหม่ ใช้ชื่อว่า บริษัท อีซูซุหาดใหญ่ จำกัด เมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๖ ตั้งอยู่เลขที่ ๓๓/๑-๒ ถนนเพชรเกษม อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
โดยนายเจริญ เป็นผู้ริเริ่มก่อตั้ง ทุน จดทะเบียนเริ่มแรก ๓ ล้านบาท มีสำนักงาน โชว์รูม และศูนย์บริการแบบมาตรฐาน บริษัท อีซูซุหาดใหญ่ จำกัด เริ่มแรกมีพนักงานเพียง ๑๙ คน ได้เจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อรองรับกิจการที่ขยายเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ บริษัทจึงได้ดำเนินการก่อสร้างบริษัทแห่งใหม่บนเนื้อที่ ๒๐ ไร่ มีอาคาร ๑๑ ชั้น ศูนย์บริการที่ทันสมัยใหญ่โตที่สุดในภาคใต้
และบริษัทได้ย้ายมาอยู่ที่ใหม่เป็นการถาวร ณ เลขที่ ๓๙๙/๙ หมู่ที่ ๑ ตำบลควนลัง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๗ ปัจจุบันมีสาขา ๑๐ แห่ง คือ สำนักงานใหญ่ (หาดใหญ่) สาขาเพชรเกษม, สงขลา, สตูล, พัทลุง, นาทวี, แม่ขรี, ระโนด, จะนะ และสาขาสะเดา ซึ่งแต่ละสาขา จะมีความพร้อมเป็นศูนย์บริการแบบมาตรฐานพร้อมด้วยเครื่องมือทันสมัยทุกแห่ง
ในปี พ.ศ. ๒๕๓๔ ได้รับมอบหมายให้เป็นตัวแทนเพิ่มอีก ๑ จังหวัด คือ จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยใช้ชื่อว่า บริษัท อีซูซุนครมอเตอร์เซลส์ (1991) จำกัด ปัจจุบันมีสาขา ๓ สาขา คือ สำนักงานใหญ่ (หัวอิฐ) สาขาอ้อมค่าย และสาขาสิชลเป้าหมายของกลุ่มอีซูซุ
นายเจริญ มีความมุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่ง ที่จะพัฒนาไปสู่ธุรกิจการค้าในลักษณะครบวงจร ด้วยการนำเทคโนโลยี่สมัยใหม๋มาใช้ในการบริการลูกค้าประจำศูนย์ทุกแห่ง ติดตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ระบบออนไลน์ เพื่อสามารถ ตรวจสอบประวัติการเช็คเครื่องยนต์ของรถได้ตลอดเวลา ครอบคลุมศูนย์บริการทุกแห่ง และดึงมืออาชีพเข้ามาร่วมบริหารกิจการ พัฒนาบุคลากรให้มีประสิทธิภาพ โดยให้วิชา
การ มีการอบรม ฟังคำบรรยาย เทคนิคการขาย การประชาสัมพันธ์ การต้อนรับลูกค้า และจัดระบบบริหารงานภายในให้ทันสมัย
ขณะเดียวกันก็มีการสำรวจความต้องการของลูกค้า เพื่อปรับปรุงการขายและการให้บริการ และปรับปรุงโครงสร้าง โดยเน้นสวัสดิการและความเป็นอยู่ที่ดีกว่าของพนักงานในองค์กรของบริษัท ซึ่งในปัจจุบันมีเขตการจำหน่ายรวมเป็น ๗ จังหวัด ๑๗ สาขา มีพนักงานรวมทั้งสิ้น ๖๙๐ คนปณิธาน
นายเจริญ มีความตั้งใจที่จะช่วยเหลือสังคมและประเทศชาติ ด้วยการบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม มาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการ บริจาคเกื้อกูลสาธารณกุศล อาทิ การอุทิศกำลังกาย กำลังใจ กำลังทรัพย์ โดยถือหลักความจริงว่า เมื่อได้ประโยชน์จากสังคมก็ควรคืนประโยชน์ให้แก่สังคมในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ ด้านกำลังเงิน กำลังทรัพย์ กำลังกาย กำลังสมอง ด้วยความพร้อมที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม และช่วยเหลือเกื้อกูลเพื่อนมนุษย์ในสังคม เพื่อให้เกิดประโยชน์และความสุขแก่สังคมนั้น ๆ ด้วยปณิธานตลอดไปความภูมิใจ
ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จเยี่ยมชมกิจการบริษัท ปัตตานีเจริญเทรดดิ้ง (1972) จำกัด เป็นการส่วนพระองค์ เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๕ และเสด็จทรงเปิด ที่ทำการอาคารใหม่ บริษัท อีซูซุหาดใหญ่ จำกัด เมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๗ และเสด็จทรงเปิดที่ทำการอาคารใหม่ บริษัท อีซูซุออโต้เซ็นเตอร์ จำกัด เมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๙
นอกจากนั้นได้มีโอกาสเข้ารับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ "ประถมาภรณ์มงกุฎไทย" เมื่อวันที่ ๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๗ และรับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ "ประถมาภรณ์ช้างเผือก" เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๘อุทิศตัวเพื่อสังคม
นายเจริญ ไม่เคยปฏิเสธ การบำเพ็ญตนเพื่อสังคมจึงได้รับการแต่งตั้งให้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อทำคุณประโยชน์แก่สังคมและประเทศชาติ มาโดยตลอด เช่น ด้านการปกครองและความมั่นคงในพื้นที่ชานแดนเป็นคณะกรรมการที่ปรึกษาศูนย์ประสานงานการปกครองจังหวัดชายแดนภาคใต้ และเป็นอนุกรรมการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในเขตจังหวัดปัตตานี
เป็นกรรมการมูลนิธิและจัดหาทุนในมูลนิธิต่างๆมากมายในจังหวัดปัตตานี อาทิ มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ริเริ่มก่อตั้งมูลนิธิ "ร่มเกล้า ๘ กันยา" การจัดหาทุนก่อสร้างพระรูปสมเด็จพระบรมราชนก กรรมการดำเนินงานในพระราชพิธีประดิษฐานพระรูปสมเด็จพระบรมราชชนก จัดหาทุนสร้างเหรียญที่ระลึกในพระราชพิธีประดิษฐานพระรูปสมเด็จพระบรมราชชนก
ด้านการพัฒนาชุมชนและสังคม ก็มีหลากหลายโครงการ อาทิ งานพัฒนาชุมชนส่วนจังหวัด ที่ปรึกษาหน่วยแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และ ช่วยเหลือศูนย์บริการโลหิต จังหวัดปัตตานี
เช่นเดียวกับด้านการศึกษาและศาสนา เข้าเป็นกรรมการมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มูลนิธิมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์เป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งมูลนิธิสถานสงเคราะห์เด็กจังหวัด และริเริ่มก่อตั้งพุทธสมาคมจังหวัด ศาลเจ้าแม่เล่งจูเกี้ยง และ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์มูลนิธิท่งเท็กเซี่ยงตึ้ง จังหวัดปัตตานี ฯลฯ
นอกจากนั้นนายเจริญ ยังได้มีบทบาทสำคัญ ในการพัฒนาโครงการตามพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อาทิ รับเสด็จและไปดูโครงการเพื่อหาทางให้การสนับสนุนการดำเนินงาน ให้คำแนะนำในการปฏิบัติงานพัฒนาต่าง ๆแก่เจ้าหน้าที่ รวมทั้งเป็นกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติงาน
ตลอดจนอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติงานโครงการตามพระราชดำริ อนุเคราะห์ยานพาหนะ ที่พัก และอื่น ๆ แก่ผู้ปฏิบัติงาน รวมทั้งการขนส่งสิ่งของต่าง ๆ และ บริจาคสิ่งของสำหรับโครงการ เช่น รถยนต์ สมุดพระราชทาน ปีละ ๑๐๐,๐๐๐ เล่ม ทุกปี และสร้างอาคารเรียนเอนกประสงค์ตามพระราชดำริ ตำบลศาลาใหม่ อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส
นายเจริญยังได้บำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมเพื่อการกุศลและสาธารณประโยชน์ อีกมากมาย อาทิ บริจาคทรัพย์ส่วนตัวให้กับโรงเรียนและมหาวิทยาลัย และกิจการสาธารณกุศลต่าง ๆ อีกมากมาย
-----------------------------------------------
ชีวิตและครอบครัว
นายเจริญ สุวรรณมงคล อายุ ๗๔ ปี เกิดเมื่อวันที่ ๑๓ มีนาคม
พ.ศ. ๒๔๗๔ ที่ตำบลเทพา อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา การศึกษาจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ จากโรงเรียนเบญจมราชูทิศ จังหวัดปัตตานี อุปสมบท ณ วัดตานีนรสโมสร เมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๙๖ เป็นเวลาหนึ่งพรรษา ได้สมรสกับนางศรีสุมาลย์ สุวรรณมงคล (เดชะสุวรรณ) เมื่อวันที่ ๒๐ กรกฏาคม พ.ศ. ๒๔๙๙ มีบุตรและธิดารวม ๕ คน ดังนี้
๑. นายสุเชฎฐ์ สุวรรณมงคล อายุ ๔๙ ปี จบการศึกษาแผนกบริหาร คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
๒. นางทิพย์วดี สุวรรณมงคล อายุ ๔๘ ปี จบการศึกษาปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยเมย์เซ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และอนุปริญญาการศึกษาเด็กปฐมวัย กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ปัจจุบันเป็นกรรมการ บริษัท อีซูซุหาดใหญ่ จำกัด และ บริษัท ปัตตานีเจริญ เทรดดิ้ง (1972) จำกัด
๓. นายอนุศาสน์ สุวรรณมงคล อายุ ๔๕ ปี จบการศึกษาปริญญาตรี สาขาเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยซิดนีย์ ออสเตรเลีย ปริญญาโทสาขาเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยลอนดอนสกูลออฟอีโคโนมิก และปริญญาโทสาขาเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยออกฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ปัจจุบันเป็นกรรมการผู้จัดการ โรงแรม ซี เอส ปัตตานี และ กรรมการบริษัท ปัตตานีเจริญเทรดดิ้ง (1972) จำกัด และ บริษัท อีซูซุหาดใหญ่ จำกัด, บริษัท อีซูซุนครมอเตอร์เซลส์ (1991) จำกัด
๔. นายอนุพาสน์ สุวรรณมงคล อายุ ๔๓ ปี จบการศึกษาปริญญาตรี สาขารัฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยบอสตัน สหรัฐอเมริกา ปัจจุบันเป็น กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีซูซุ หาดใหญ่ จำกัด
๕. นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล อายุ ๔๑ ปี จบการศึกษาปริญญาตรี (เกียรตินิยมอันดับ ๑) คณะนิติศาสตร์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเนติบัณฑิตไทย ปริญญาโททางด้านกฎหมาย จากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด และปริญญาโททางด้านบริหารธุรกิจ จากมหาวิทยาลัยเบอร์กเล่ย์ สหรัฐอเมริกา
ประวัติการรับราชการ
- อดีตสมาชิกสมัชชาแห่งชาติ
- อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
- อดีตกรรมาธิการพิจารณาเปิดเผยรายงานการประชุมลับ
- อดีตสมาชิกสภาจังหวัดปัตตานี
- อดีตสมาชิกเทศบาลเมืองปัตตานี
- อดีตนายกเทศมนตรี เมืองปัตตานี พ.ศ. ๒๕๑๕ - ๒๕๑๗
ประวัติการทำงาน
- อดีตพนักงานเก็บเงิน บริษัท ไฟฟ้าปัตตานี จำกัด พ.ศ. ๒๔๙๑ - ๒๔๙๘
- อดีตพนักงานรักษาเงิน ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด สาขาปัตตานี พ.ศ. ๒๔๙๙ - ๒๕๑๙
- ประธานกรรมการ บริษัท ปัตตานีเจริญเทรดดิ้ง (1972) จำกัด
- ประธานกรรมการ บริษัท อีซูซุหาดใหญ่ จำกัด
- ประธานกรรมการ บริษัท อีซูซุนครมอเตอร์เซลส์ (1991) จำกัด
- ประธานกรรมการ โรงแรม ซี เอส ปัตตานี
ที่มา: หนังสือพิมพ์โฟกัสภาคใต้ www.focuspaktai.com โดย Focus Team เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 2549 17:33:31 น.